สอนเด็ก เรียนจะเรียนรู้จากการสังเกตและเลียนแบบพฤติกรรมของผู้ปกครอง เช่น เสื้อผ้า ทรงผม การแต่งหน้า การโทรและการใช้โทรศัพท์ และผ่านการเล่นบทบาทสมมติ เช่น การเป็นแม่ ครู นักดับเพลิง ฯลฯ แต่เด็กยังแยกไม่ออกว่าสิ่งที่ได้ยินและเห็นนั้นเหมาะสมต่อการเลียนแบบหรือไม่
เราเห็นเด็กเรียนรู้ที่จะทำการเลียนแบบพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เช่น ก้าวร้าวและการขว้างปาสิ่งของ พ่อแม่ต้องช่วยให้ลูกเข้าใจว่าพฤติกรรมใดที่ยอมรับได้และรับไม่ได้ในครอบครัวและในสังคมของตน สอนให้เด็กเลียนแบบอย่างถูกต้อง หลายครั้ง คำสบถคำแรกของเด็กเป็นผลมาจากการเลียนแบบความโกรธของพ่อแม่ บางทีเขาอาจได้ยินพ่อแม่ของเขาคุยกันเมื่อคนขับรถตัดหน้าเขา ตอนนี้เขาต้องเลียนแบบท่าทางและคำพูดของพ่อแม่ที่เบาะหลัง
อาจจะเป็นเด็กโตในละแวกนั้นหรือบนรถโรงเรียน ญาติสนิทหรือพี่น้องและสมาชิกในครอบครัวอาจส่งผลต่อลูกของคุณ แล้วพ่อแม่จะสอนลูกให้รู้จักความแตกต่างระหว่างพฤติกรรมที่ยอมรับได้และพฤติกรรมที่ยอมรับไม่ได้ได้อย่างไร ถ้าลูกของคุณสบถหรือพูดก้าวร้าว ให้บอกลูกว่าเราไม่พูดคำนี้ในบ้านของเรา หรือกับใครก็ตาม หากเป็นท่าทางที่ไม่เหมาะสม ให้บอกลูกของคุณว่าท่าทางนี้ไม่ดี
หากลูกของคุณแค่พยายามทำให้พ่อแม่สนใจหรือตื่นเต้นโดยใช้คำสบถหรือท่าทาง ให้เฉยเมยและแทนที่ด้วยสิ่งอื่นที่ตลกกว่าและเป็นมิตรกับเด็ก เช่น การเล่นดนตรีที่สนุกสนานไม่หยาบคายและท่ารำไม่ประดิษฐ์ ให้เขาร้องเพลงและเต้นรำ ปรบมือ แสดงท่าทางยกย่อง ถ้าผู้ปกครองไม่แสดงอาการตื่นเต้น หรือพูดซ้ำหลายๆครั้ง เขาจะหมดความสนใจในพฤติกรรมแบบนั้น หรือเข้าใจว่าท่าทางไหนห้ามไม่ได้และท่าไหนเอาใจพ่อแม่
หากเขาตี เตะ กัด ขว้างของเล่น ฯลฯ ซ้ำๆ ให้สงบสติอารมณ์และอย่าโกรธลูก สบตากับเขาและบอกเขาอย่างหนักแน่นว่าเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ทำพฤติกรรมนี้ บอกลูกๆ ของคุณว่าพ่อแม่ของพวกเขาจะไม่ปล่อยให้พวกเขาทำสิ่งนี้ที่บ้าน ให้เขาออกไปเตะบอลข้างนอก สิ่งนี้สามารถช่วยให้เด็กเห็นว่าการเตะเฟอร์นิเจอร์เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ แต่แค่เตะบอลนอกบ้าน
ระมัดระวังการใช้สื่อของเด็ก เด็กอาจได้รับเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมผ่านการใช้งานของพี่น้องที่มีอายุมากกว่า เด็กควรดูโทรทัศน์ไม่เกินหนึ่งหรือสองชั่วโมงต่อวัน ผู้ปกครองควรคัดกรองเนื้อหาที่เหมาะสมสำหรับเด็กเท่านั้น ก่อนที่ลูกจะได้เห็นทุกคนในบ้านปฏิบัติตามกฎเดียวกัน เมื่อจัดการกับเด็ก ทุกคนต้องใส่ใจกับคำพูดและการกระทำของพวกเขา อย่าสับสนกับลูกของคุณ เช่น ลูกพี่ลูกน้องของเขาที่เป็นคนนอนดึก จะไม่มีใครว่าถ้าไม่กินข้าว แต่ทำไมเขาถึงทำอย่างนั้นไม่ได้
ต้องใช้เวลาและความอดทน เด็กอาจพบกับสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคยหลายครั้งต่อวัน งานของผู้ปกครองคือการทำซ้ำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเข้าใจ มุ่งเน้นไปที่พฤติกรรมที่คุณต้องการส่งเสริม ชมเชยเมื่อลูกทำดีและประพฤติตนเหมาะสม เด็กมีโอกาสเรียนรู้การควบคุมตนเอง ยับยั้งแทนที่จะออกกฎเข้มงวดและลงโทษเมื่อเขาประพฤติผิด
อย่าเปรียบเทียบพฤติกรรมของลูกกับคนอื่น เพราะเด็กทุกคนมีความสามารถในการควบคุมตัวเองและเชื่อฟังคำสั่งต่างกัน ให้ความรักความอบอุ่นแก่ลูกอย่างเพียงพอ แม้ว่าลูกจะทำอะไรที่พ่อแม่ไม่อยากให้ทำก็ตาม แต่พ่อแม่ก็ยังรักและยอมรับในตัวเขา อย่าดุหรือว่าคนคนนั้นทำเรื่องน่าอาย เพราะจะส่งผลเสียต่อความนับถือตัวเองของเขา
เด็กๆ เติบโตขึ้นจนรู้สึกว่าพ่อแม่เป็นที่รัก เป็นที่ยอมรับ และอยู่เคียงข้างพวกเขา ส่วนใหญ่ต้องการเอาใจพ่อแม่ ฉันต้องการทำให้พ่อแม่พอใจ พวกเขามักจะทำตามสิ่งที่พ่อแม่ต้องการให้ทำ หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้พ่อแม่ของคุณไม่พอใจ ใช้ประโยชน์จากพลังของหนังสือ บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพฤติกรรมเชิงบวก นอกจากนี้ บทเรียนที่ตัวละครในนิทานได้รับจะช่วยให้พวกเขาเข้าใจความแตกต่างระหว่างพฤติกรรมที่ดีและไม่ดี
ส่งเสริมกิจกรรมที่ลูกสนใจ แต่ละครอบครัวมีสไตล์การเลี้ยงดูที่แตกต่างกัน หากเราสนับสนุนลูกในแบบที่เหมาะกับครอบครัวของเรา เราจะรู้สึกว่าการดูแลร่างกายของเราเป็นเรื่องง่าย ไม่รู้สึกว่าต้องออกแรงมาก เช่น ออกไปเล่นกีฬาที่ลูกสนใจ อย่าลืมแต่งกายให้เหมาะสม การสวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดีจะช่วยให้ลูกของคุณทำกิจกรรมต่อไปได้เป็นระยะเวลานานขึ้น และดื่มน้ำให้เพียงพอ
ให้เด็กอยู่ห่างจากหน้าจอ เด็กติดจอเป็นสาเหตุหนึ่งของความอ้วน สิ่งนี้สามารถป้องกันได้โดยการทำให้ลูกของคุณออกห่างจากหน้าจอแทนที่จะนั่งดูทีวีหรือท่องอินเทอร์เน็ตอยู่หน้าจอทั้งวัน กำหนดเวลาสำหรับเวลาหน้าจอของบุตรหลาน ไม่ควรมีทีวีหรือคอมพิวเตอร์ในห้องนอน เด็กควรดูโทรทัศน์ไม่เกิน 2 ชั่วโมง สอนเด็ก อายุต่ำกว่า 2 ปีไม่ควรดูหน้าจอทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ ทีวี แท็บเล็ต และหากิจกรรมอื่นๆ เล่นกับลูกบอลแทนการทิ้งลูกบอลไว้ที่หน้าจอ
เตรียมอาหารเพื่อสุขภาพ ลดอาหารจานด่วนและอาหารแปรรูป เช่น ไก่ทอด เฟรนช์ฟราย ไส้กรอก แฮม และพิซซ่า รับประทานผักและผลไม้สดให้มาก ลดอาหารกระป๋องที่มีโซเดียมสูง ให้เวลาเตรียมอาหารเช้าที่ปรุงง่าย และอย่าใช้เวลานานเกินไปในการเตรียมในตอนเย็น หรือทำอาหารสำหรับวันหยุดพร้อมรับประทานระหว่างสัปดาห์ เป็นต้น
ทำให้มันสนุก เด็กๆ มักจะชอบกินสิ่งที่พวกเขามีส่วนร่วมในการทำ ดังนั้นจึงเป็นความคิดที่ดีที่จะให้บุตรหลานของคุณมีส่วนร่วมในการวางแผน เลือก และเตรียมอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพที่เขาต้องการจะรับประทาน ให้เด็กรู้ว่าอาหารมาจากไหน จนมาถึงอาหารจานร้อน เช่น ชวนลูกปลูกผักในครัว คุณได้รับเชิญให้ใช้แม่พิมพ์น่ารักในรูปทรงต่างๆ เพื่อทำคุกกี้ ตกแต่งจานของคุณให้สวยงามด้วยผักหลากสีสัน และอื่นๆ อีกมากมาย
ค่อยๆ ลดอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพในครัว คุณไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนชีวิตในทันที แต่ควรทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป เปลี่ยนทีละน้อย เช่น จากข้าวขาวเป็นข้าวกล้อง เลือกเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลต่ำ ดื่มน้ำมากๆ และดื่มนมสดแทนนมข้นหวานหรือนมช็อกโกแลต ลดอาหารว่าง อาหารไขมันสูง เพิ่มผักและผลไม้ เป็นต้น
การเปลี่ยนพฤติกรรมที่เป็นนิสัยไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะการเปลี่ยนอาหารของลูกน้อย เด็กเล็กเต็มใจที่จะลองอาหารใหม่ๆ ได้ง่ายกว่าเด็กโต ดังนั้น การพัฒนานิสัยการกินที่ดีตั้งแต่อายุยังน้อยจึงง่ายกว่า สำหรับเด็กโต อาจต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการโน้มน้าวให้พวกเขาลองอาหารใหม่ๆ แต่ฉันเชื่อว่าความพยายามและความมุ่งมั่นไม่ควรยากขนาดนั้น
สอนให้ลูกล้างมือบ่อยๆ เพื่อหลีกเลี่ยงเชื้อโรคที่ทำให้ลูกป่วยง่าย สอนลูก ล้างมือก่อนรับประทานอาหารทุกมื้อ สิ่งเหล่านี้ส่วนใหญ่อาจนึกถึงก่อนมื้ออาหาร แต่ลืมหยิบขนม หรือขนมระหว่างวันก็พาเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ หรือ หยิบของเล่นมาเอามือปิดหน้า ขยี้ตา เช็ดจมูก เดี๋ยวก็ป่วยได้ ดังนั้น สอนให้ลูกล้างมือบ่อยๆ
รับวัคซีนพื้นฐานตรงเวลา ตั้งแต่แรกเกิดแพทย์จะมอบสมุดการฉีดวัคซีนให้กับครอบครัว คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกไปรับวัคซีนให้ตรงเวลาเพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน และพิจารณารับวัคซีนอื่นตามความเหมาะสม เช่น วัคซีนโรตาไวรัส วัคซีนไอพีดี วัคซีนไข้หวัดใหญ่ เป็นต้น
การเลี้ยงลูกง่ายขึ้นด้วยการฝึกให้ลูกมีระเบียบวินัย กิน นอน และเล่นให้ตรงเวลา การเข้านอนให้ตรงเวลาจะช่วยให้ลูกนอนหลับได้เพียงพอ ร่างกายหลั่งโกรทฮอร์โมนได้ดีมาก กระตุ้นการเจริญเติบโตเพื่อช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อ มวลกระดูก และพัฒนาการที่เหมาะสม ควรเข้านอนก่อน 22.00 น. เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายสร้างโกรทฮอร์โมนมากที่สุด และนอนไม่ต่ำกว่า 7 ถึง 8 ชั่วโมงต่อคืน
เป็นแบบอย่างที่ชัดเจนในการดูแลบุตรหลานของคุณ เริ่มดูแลตัวเองและทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและเป็นตัวอย่างชีวิตที่ดีให้กับลูก พูดคุยกับลูกของคุณเกี่ยวกับประโยชน์ของการมีสุขภาพดี รวมถึงให้ลูกมีส่วนร่วมตลอดเวลา ลูกจะค่อยๆ ปลูกฝังนิสัยสุขอนามัยที่ดีจากพ่อแม่ของคุณ ทำตามพ่อแม่จนติดเป็นนิสัยและติดเป็นนิสัยในที่สุด
บทความที่น่าสนใจ : น้ำหนัก อธิบายศึกษาสาเหตุว่าทำไมเราถึงน้ำหนักขึ้นเมื่อมีอายุมากขึ้น
